บทนำอักขะระไตสยาม-ปาฬิ

พระไตรปิฎกชุดชาติพันธุ์ไต

ปกพระไตรปิฎกอักขะระชาติพันธุ์ไต ชุด 40 เล่ม พ.ศ. 2563

อักขะระไตสยาม-ปาฬิ เดิมเรียก อักษรสยาม เป็นอักขะระที่ใช้พิมพ์ในชุดหนังสือพระไตรปิฎก จ.ป.ร. พ.ศ. 2436 ซึ่งเป็นการปริวรรตอักขรวิธีการบันทึกอักขะระขอมโบราณในพระไตรปิฎกใบลานในอดีต ที่เขียนด้วยอักขรวิธีซ้อนอักขะระ หรือ เขียนพยัญชนะซ้อนกัน เช่น ซ้อนอักขะระเพื่อเขียนเสียงสะกด และซ้อนอักขะระเพื่อเขียนเสียงกล้ำ เป็นต้น แต่ในอักขรวิธีสยาม-ปาฬิได้ริเริ่มใช้เครื่องหมายวัญฌการแทนเสียงสะกด และไม้ยามักการแทนเสียงกล้ำ อันเป็นนวัตกรรมการเขียนเสียงปาฬิที่ไม่เคยมีมาก่อน

ตัวอย่างพระไตรปิฎก จ.ป.ร. อักขะระสยาม พ.ศ. 2436 ฉบับอนุรักษ์ดิจิทัลโดยโครงการพระไตรปิฎกสากล พ.ศ. 2552

เครื่องหมายกำกับเสียงปาฬิในพระไตรปิฎก จ.ป.ร. มีดังต่อไปนี้

1. เสียงสระ-อะ ที่เป็นเสียงคะรุ กำกับด้วย ไม้-อะ (    )

2. เสียงสะกด กำกับด้วย ไม้วัญฌการ  (   )

3. เสียงกล้ำ กำกับด้วย ไม้ยามักการ  (  ๎ 

4. เสียงก้องในจมูก กำกับด้วย ไม้นิคคะหิต  (     )

อาจารย์สิริ เพ็ชรไชย ป.ธ. 9 ผู้ได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ในทางภาษาบาลีเป็นคนแรกของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (ม.จ.ร.) เมื่อดำรงตำแหน่งประธานโครงการพระไตรปิฎกสากล ใน พ.ศ. 2543 ได้ริเริ่มศึกษาการอ่านและออกเสียงปาฬิภาสา โดยเป็นผู้เขียนคำอธิบายอักขรวิธีการอ่านอักษรสยามในหนังสือพระไตรปิฎก ฉบับ จ.ป.ร. อักษรสยาม พ.ศ. 2436 โดยเฉพาะเสียงที่ไม่สะกด ที่มีเครื่องหมายกำกับเสียงคล้ายกับไม้หันอากาศในภาษาไทย แต่แท้จริงเป็นสัททสัญลักษณ์ที่แสดง เสียง-อะ เท่านั้่น ซึ่งเป็นเสียงไม่มีตัวสะกดตามมา ซึ่งปัจจุบันโครงการพระไตรปิฎกสากล เรียกว่า อักขรวิธี ไม้-อั (อะ) อักขะระสยาม-ปาฬิ  (อักขะระ ถอดเสียงว่า Akkhara)

เนื่องด้วยอักษรสยาม หรือที่โครงการพระไตรปิฎกสากล เรียกว่า อักขะระไตสยาม-ปาฬิ (Syām Script-Pāḷi) ได้ตีพิมพ์เป็นชุดหนังสือพระไตรปิฎกชุดแรกของโลก ซึ่งมีตารางเสียงเทียบกับอักขะระโรมัน ที่นักวิชาการทั่วโลกรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีตั้งแต่ศตวรรษที่แล้ว ดังนั้นการอ้างอิงวิธีการถอดเสียงปาฬิในบทความนี้ จึงอ้างอิงกับอักขรวิธีโรมัน-ปาฬิ (Roman Script-Pāḷi)

วิธีอ่าน เสียงปาฬิ-อักขะระสยาม / อักขรวิธี ไม้-อั (อะ) อักขะระสยาม-ปาฬิิ โดยสิริ เพ็ชรไชย ป.ธ. 9

1. อักขรวิธีสยาม-ปาฬิ ที่ไม่แสดงรูปเครื่องหมาย คือ เสียงอะ 

อักขะระสยาม-ปาฬิ เช่น หรือ เมื่อไม่ตามด้วยพยัญชนะเสียงสะกด หรือ เสียงกล้ำ จะไม่ปรากฏ เครื่องหมายใดๆ กำกับ อ่านพยัญชนะตัวนั้นประกอบวิสรรชนีย์ (ใส่เครื่องหมาย - ) เช่น ปน อ่านตามเสียงปาฬิ ด้วย อักขะระโรมัน-ปาฬิ ว่า  pana (ดูรายละเอียดการเขียนเสียงละหุคะรุด้วยสัททะอักขะระ-ปาฬิ ในหนังสือ 80 ปี ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2557-2558)

2. อักขรวิธีสยาม-ปาฬิ ที่แสดงรูปเครื่องหมาย มี 4 ประเภท

2.1 ไม้อะ (   ) ใน อักขะระสยาม-ปาฬิ แสดงเสียง สระ-อะ ( -) ที่เป็นเสียงคะรุ :

2.1.1 แสดงเสียง สระ-อะ เมื่ออยู่หน้าพยัญชนะเสียงสะกด สังเกตไม้-อะ (   ั  ) บนพยัญชนะหน้าเสียงสะกด เช่น ธัม์ คือ ธั ที่อยู่หน้าพยัญชนะเสียงสะกด ม์ (ม-วัญฌการ) ในคำว่า ธัม์มํ อักขะระโรมัน-ปาฬิ เขียนว่า dhammaṁ

2.1.2 แสดงเสียง สระ-อะ เมื่ออยู่หน้าพยัญชนะเสียงกล้ำ สังเกตไม้-อะ (   ) บนพยัญชนะหน้าเสียงกล้ำ เช่น  กัต๎วา คือ  กั (กะ) ที่อยู่หน้าพยัญชนะเสียงกล้ำ ต๎ว- (ต-ยามักการ) ในคำ กัต๎วา อักขะระโรมัน-ปาฬิ เขียนว่า ka-tvā  (ดูคำอธิบายของ สระ-อะ ที่ต้องเป็นเสียงคะรุ ในกฎไวยากรณ์กัจจายะนะ-ปาฬิ ข้อ 602)

กรณี ไม้อะ ในคำ  กัต๎วา ka-tvā จึงเป็นการแสดงรูปเสียง สระ-อะ เป็นสัททสัญลักษณ์  เช่นเดียว กับ สัททสัญลักษณ์ ไม้-อิ และ ไม้-อุุ ที่เป็นเสียงคะรุ เมื่อตามด้วยเสียงกล้ำ เช่น คุย๎หํ gu-yha

2.1.3 เสียง อะ-นาสิก (  ัง ) พยัญชนะปาฬิ ไม่กำกับด้วยไม้วัญฌการ ไม่เป็นเสียงสะกด เช่น อักขะระสยาม-ปาฬิ คำว่า มังคลมุต์ตมํ อักขะระโรมัน-ปาฬิ ว่า maṅgalamuttamaṁ  เสียง อัง  [ - ังํ] เป็นเสียงคะรุ ออกเสียงนาน

2.2 ไม้วัญฌการ   ์  ) ใน อักขะระสยาม-ปาฬิ แสดงเสียงสะกด โดยเขียนไม้วัญฌการบนพยัญชนะ เสียงสะกด เช่น ภิก์ - เกิดจาก ภิ (ภ + อิิ) + ก์  (ก-วัญฌการ) ในคำว่า ภิก์ขbhikkhu       

อนึ่ง ไม้วัญฌการ  (   ์  )  ใน อักขะระสยาม-ปาฬิ มีหน้าที่ต่างจากเครื่องหมายที่มีรูปพ้องกันในภาษาไทยปัจจุบัน ซึ่งเรียกว่า ไม้ทัณฑฆาต (   ์ ) ที่เขียนเหนือพยัญชนะ หรือ เหนือพยัญชนะพร้อมสระ เพื่อไม่ให้ออกเสียง เช่น องค์ (ไม่ออกเสียงพยัญชนะ ค), จันทร์ (ไม่ออกเสียงพยัญชนะ  ท  และ  ร ทั้งสองตัว), และ สิทธิ์ (ไม่ออกเสียงพยัญชนะ ธ และ สระ-อิ) 

2.3 ไม้ยามักการ  ๊ ) ใน อักขะระสยาม-ปาฬิ เขียนไม้ยามักการไว้บนพยัญชนะเสียงกล้ำตัวหน้า คือ ให้ออกเสียงพยัญชนะตัวหน้ากล้ำกับตัวหลัง

เช่น
พ๎ย (พ-ยามักการ-ย) ในคำว่า สพ๎ยัญ์ชนํ sa-byañjanaṁ      
พ๎ยัญ์ชนํ อักขะระโรมัน-ปาฬิ ว่า byañjanaṁ
เท๎ว  อักขะระโรมัน-ปาฬิ ว่า dve       
กัล๎ยาณธัม์มํ   อักขะระโรมัน-ปาฬิ ว่า ka-lyānadhammaṁ    

2.4 ไม้นิคคะหิต (   ํ  ) หรือท่ี่ในภาษาไทยเรียกกันว่า พินทุโปร่ง อักขะระสยาม-ปาฬิ แสดงเสียงนิคคะหิต
คือเสียงพยัญชนะเกิดที่จมูกล้วนๆ โดยเขียนไม้นิคคะหิตเหนือพยัญชนะที่ประกอบกับสระเสียงสั้น (อะ, อิ, อุ) 
เช่น สระ-อะ  ออักขะระสยาม-ปาฬิ ว่า ภิก์ขุสํฆํ อักขะระโรมัน-ปาฬิ ว่า bhikkusaṁghaṁ   
สระ-อิ  อิํ อักขะระสยาม-ปาฬิ ว่า เอตัส๎มิํ อักขะระโรมัน-ปาฬิ ว่า etasmiṁ 
สระ-อุ  อุอักขะระสยาม-ปาฬิ ว่า ภิก์ขุํ สัททะอักขะระโรมัน-ปาฬิ ว่า bhikkhu

องค์ความรู้ของอักขรวิธีสยาม-ปาฬิ ในอดีตที่มีเครื่องหมายต่างๆ กำกับเสียงปาฬิ ทำให้ผู้เขียนสังเกตเห็นว่า สยาม-ปาฬิ มิใช่เป็นการปริวรรตแปลงอักขะระขอมเป็นอักขะระสยามเท่านั้น แต่เป็นการริเริ่มหลักการที่สำคัญในทางภาษาศาสตร์อีกประการหนึ่งด้วย คือ การถอดเสียง (Phonetic Transcription) เป็น สัททะอักขะระ (Phonetic Symbol) เรียกว่า สัททะอักขะระสยาม-ปาฬิ ซึ่งเป็นการริเริ่มใหม่ของโลกที่ยังไม่มีผู้ใดกล่าวถึงในทางวิชาการ 

โครงการพระไตรปิฎกสากลอธิบายการสร้างสรรค์เครื่องหมายกำกับเสียงต่างๆ ดังกล่าวเบื้องต้นว่า เป็นความประสงค์ของผู้จัดพิมพ์อักขรวิธีสยาม-ปาฬิ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ให้อักขรวิธีใหม่ที่ใช้เขียนเสียงปาฬิมีความแตกต่างจากอักขรวิธีที่ใช้เขียนภาษาไทย ซึ่งเป็นการเขียนเรียงกันบนบรรทัดเดียวและไม่มีระบบการซ้อนอักขะระ ทำให้อักขะระสยามปาฬิสามารถใช้เครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว  เป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมการบันทึกเสียงปาฬิในพระไตรปิฎกอีกด้วย 

เมื่อศึกษาเปรียบเทียบระหว่างอักขะระชาติพันธุ์ไตต่างๆ สามารถยืนยันได้ว่าอักขรวิธีการเขียนเสียงสะกดแยกจากการเขียนเสียงกล้ำอย่างเด็ดขาด กล่าวคือ ไม่มีเสียงสะกดที่กลายเป็นเสียงกล้ำในพยางค์ถัดไป โดยได้พบว่าบางอักขรวิธีของชาวไต ยังหลงเหลือร่องรอยอักขรวิธีการแบ่งพยางค์ที่ชัดเจนอยู่ เช่น อักขรวิธีล้านนา หรือที่โครงการพระไตรปิฎกสากลเรียกว่า อักขะระไตยวน-ปาฬิ แสดงการการซ้อนพยัญชนะเสียงสะกด (ผู้ที่รู้ไวยากรณ์จะอ่านการซ้อนพยัญชนะดังกล่าวทวนเข็มนาฬิกา) ต่างจาก ซ้อนพยัญชนะเสียงกล้ำ (ผู้ที่รู้ไวยากรณ์จะอ่านการซ้อนพยัญชนะดังกล่าวตามเข็มนาฬิกา) ซึ่งตรงกันกับอักขรวิธีในพระไตรปิฎก จ.ป.ร. อักขะระสยาม พ.ศ. 2436 ที่ใช้เครื่องหมายแตกต่างกัน ได้แก่ ไม้วัญฌการแสดงเสียงสะกด (อ่านพยัญชนะไม้วัญฌการ โดยออกเสียงสะกดกับพยัญชนะต้น ด้วยวิธีอ่านย้อนทวนเข็มนาฬิกา) และไม้ยามักการแสดงเสียงกล้ำ (อ่านพยัญชนะไม้ยามักการ โดยออกเสียงกล้ำกับพยัญชนะที่ตามมา ด้วยวิธีอ่านตามเข็มนาฬิกา) โดยผู้อ่านไม่จำเป็นจะต้องรู้ไวยากรณ์แต่เมื่อเห็นเครื่องหมายก็จะออกเสียงได้ถูกต้อง ตรงตามกฎไวยากรณ์กัจจายะนะ-ปาฬิ ซึ่งกล่าวถึงเสียงสะกดและเสียงกล้ำอยู่ต่างข้อกัน 

ในไวยากรณ์กล่าวไว้แต่เพียงเสียงสะกดและเสียงกล้ำเท่านั้น ไม่มีกล่าวถึงเสียงสะกดที่เคลื่อนไปเป็นเสียงกล้ำ เป็นตันติภาษาที่มีแบบแผนชัดเจน จึงเป็นไปไม่ได้ที่เสียงสะกดและเสียงกล้ำจะมาปนแทรกกัน 

ดังนั้นเมื่อคณะผู้เขียนร่วมกับโครงการพระไตรปิฎกสากลได้ศึกษาอักขรวิธี ไม้-อั (อะ) อักขะระสยาม-ปาฬิ และสามารถถอดเสียงละหุจาก สระ-อะ ที่ลดรูปเสียงคะรุจากไม้-อั (อะ) จากอักขรวิธีสยาม-ปาฬิ ได้นั้น จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพัฒนาการบันทึกเสียงปาฬิไปสู่วิธีถอดเสียงที่มีการแบ่งพยางค์ในสัททะอักขะระไทย-ปาฬิ ซึ่งบูรณาการสู่การเขียนเป็นจังหวะสากลของโน้ตเสียงปาฬิในพระไตรปิฎกสัชฌายะ และในที่สุดทำให้สามารถจดสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญา เลขที่ 46390 เรื่อง โปรแกรมการแบ่งพยางค์เสียงปาฬิอัตโนมัติในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ขอขอบคุณ พันเอก (พิเศษ) สุรธัช บุนนาค นายกกองทุนสนทนาธัมม์นำสุขฯ ในพระสังฆราชูปถัมภ์ฯ และคณะ ที่ดำเนินการถอดเสียงและออกแบบสร้างสรรค์อักขะระไตสยาม-ปาฬิ ชุดนี้ เพื่อจัดพิมพ์เป็นพระไตรปิฎกสากล ฉบับสัชฌายะ ชุดอักขะระชาติพันธุ์ไต พ.ศ. 2563

 

ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.วิจินตน์ ภาณุพงศ์ 

ประธานกองทุนสนทนาธัมม์นำสุข ท่านผู้หญิง ม.ล.มณีรัตน์ บุนนาค 
ในพระสังฆราชูปถัมภ์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

 

ท่านผู้หญิงวราพร ปราโมช ณ อยุธยา

ประธานมูลนิธิพระไตรปิฎกสากล

พ.ศ. 2563